คาถา แม่ชีบุญเรือน ก่อนซื้อหวย

คาถา แม่ชีบุญเรือน ก่อนซื้อหวย หนึ่งใน คาถาโชคลาภ ที่ร่ำลือกันว่าเห็นผลชัด นั่นก็คือ คาถาพระฉิมพลี (คาถาพระสีวลี) ของ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม หนึ่งในอริยบุคคลที่เป็นหลักฐานยืนยันว่าธรรมะนั้นไม่จำกัดเพศ เพราะเชื่อกันว่าท่านคือฆราวาสผู้หมดแล้วซึ่งกิเลส อีกทั้งยังมีอภิญญาอีกด้วย

คาถา แม่ชีบุญเรือน ก่อนซื้อหวย

ในสมัยที่คุณแม่บุญเรือนยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านเป็นที่เคารพนับถือในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของโชคลาภ ค้าขาย การรักษาโรค รวมไปถึงการพลิกฟื้นชะตาชีวิตที่ตกต่ำให้กลับมาดีกว่าเก่า ตลอดจนในด้านการสั่งสอนธรรมะเพื่อการหลุดพ้น ใครที่บูชาท่านจึงได้พบกับความอัศจรรย์อย่างยิ่ง และ มีชีวิตที่เจริญก้าวหน้า สมกับคำที่คุณแม่บุญเรือนเคยกล่าวไว้ว่า “ใครเจอคนเรา คนนั้นโชคดี

คาถาพระฉิมพลี หรือ คาถาพระสีวลี นี้คุณแม่บุญเรือนได้จากสมาธิจิตเมื่อวันศุกร์ที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ จากตำราที่บันทึกไว้ได้ระบุว่า เป็นคาถาที่ท้าวสักกเทวราช หรือ พระอินทร์นำมาถวายแด่คุณแม่บุญเรือน โดยเนื้อหาบทสวดได้กล่าวสรรเสิญพระฉิมพลี ซึ่งเป็นอีกพระนามของพระสิวลี ผู้เป็นเลิศด้านโชคลาภ ใครที่ได้สวดเป็นประจำจะมีผลช่วยเสริมดวงโชคลาภ เรียกทรัพย์ ส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองไม่อับจน มีโอกาสพลิกชีวิตได้อย่างน่าอัศจรรย์

คาถา แม่ชีบุญเรือน ก่อนซื้อหวย คาถาพระฉิมพลี

ควรสวดตามกำลังวันเพื่อบูชาคุณพระสีวลี ดังนี้

  • วันอาทิตย์ 6 จบ
  • วันจันทร์ 15 จบ
  • วันอังคาร 8 จบ
  • วันพุธ 17 จบ
  • วันพฤหัสบดี 19 จบ
  • วันศุกร์ 21 จบ
  • วันเสาร์ 10 จบ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

นะชาลีติฉิมพาลี จะ มหาเถโร
สุวรรณะมามา โภชนะมามา วัตถุวัตถามามา
พลาพลังมามา โภคะมามา มหาลาโภมามา
สัพเพชะนา พหูชะนา ภวันตุเม

ขออำนาจของพระรัตนตรัยจงเป็นที่พึ่ง ขออัญเชิญบารมีอันสูงยิ่งของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม จง สถิตสถาพรอยู่กับท่านทั้งหลาย แม้ประสงค์สิ่งใดจงสมประสงค์ทุกประการ และ ถึงพร้อมด้วยธรรมสี่ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกท่าน เทอญ ฯ

คาถา แม่ชีบุญเรือน ก่อนซื้อหวย สวดให้ขึ้นใจ ก่อนซื้อหวย

คุณแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม อุบาสิกา ผู้สร้าง “พระพุทโธน้อย” วัตถุมงคลอันลือลั่นมีอำนาจจิต และ ชื่อเสียงในด้านอิทธิฤทธิ์ และบารมีในการช่วยเหลือผู้คน ส่วนในเรื่องพุทธคุณมีเต็มเปี่ยม ของล้ำค่าชิ้นเอกที่ฝากไว้บนแผ่นดินไทย และ พระคาถาที่ท่านได้มอบให้ไว้ อีกพระคาถา ซึ่ง คาถาดังกล่าว บางตำราเล่าว่าแม่ชีได้มาจากพระอินทร์ บางตำราก็ว่าได้มาจากพระสิวลี พระคาถานี้คุณแม่บุญเรือนได้จาก การนั่งสมาธิจิตเมื่อวันศุกร์ที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ “จากตำราได้เขียนบอกไว้ว่าเป็นคาถาที่ท้าวสักกเทวราช หรือ พระอินทร์นำมาถวายแด่คุณแม่บุญเรือน”

ท่านให้สวดตามกำลังวันเพื่อบูชาพระ สิวลีมหาเถระ หรือ พระฉิมพลี จะเป็นมหาลาภ มหาโชค มหาโภคทรัพย์ และ เจริญ ด้วยจตุรพิศพรชัย คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติประสพสิ่งอันพึงปรารถณาทุกประการนั่นแล

คาถา แม่ชีบุญเรือน ก่อนซื้อหวย ประวัติของท่าน

แม่บุญเรือน โตงบุญเติม อุบาสิกา ผู้สร้าง พระพุทโธน้อย วัตถุมงคลอันเลื่องชื่อในด้านอิทธิฤทธิ์ และบารมีในการช่วยเหลือผู้คน อีกทั้งเปี่ยมล้นไปด้วยพุทธคุณ

ประวัติ

คุณแม่บุญเรือนโตงบุญเติม เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2437 ปีมะเมีย ขึ้น 15 ค่ำ เวลา 11.20 น. บิดาชื่อนายยิ้ม กลิ่นผกา มารดาชื่อ นางสวน กลิ่นผกา มีพี่สาวที่เสียชีวิตไปนานแล้วชื่อ นางอยู่ (หรือ ทองอยู่) กลิ่นผกา คุณแม่บุญเรือนเกิดที่คลองสามวา อำเภอมีนบุรี กรุงเทพฯ ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี ฐานะทางบ้านเป็นชาวสวน ท่านเติบโตมาในละแวกบ้านชาวสวน

ชีวิตวัยเด็ก

นอกจากจะได้รับการศึกษาให้รู้ภาษาไทยแล้ว ท่านยังมีความสามารถในการทำอาหารหลายอย่าง เช่น น้ำพริก อาหารจำพวกแกง และ ต้ม นอกจากนี้ก็ยังมีความสามารถในการเย็บจักร ตัดเสื้อผ้า ตัดผมได้อีกด้วย เมื่ออายุได้ 15 ปีเศษ คุณแม่บุญเรือนได้รับการศึกษาวิชาหมอนวด เพราะปู่ของท่าน หรือ อาจารย์กลิ่น เป็นหมอนวดที่โด่งดังมากในสมัยนั้น ในตอนที่คุณแม่บุญเรือนสำเร็จธรรมแล้ว ท่านก็ได้ใช้วิธีรักษาโรคด้วยการอธิษฐานธรรม และ อธิษฐานสิ่งของต่างๆ ซึ่งสามารถรักษาโรคได้หลายชนิด โดยวิธีที่ท่านใช้ผสานการนวดไปด้วย เช่น คนไข้คนหนึ่งเป็นไส้ติ่งอักเสบ ท่านก็ได้อธิษฐานปูนทา และ การนวดประกอบกัน และ ประสบผลสำเร็จในการรักษาอย่างน่าอัศจรรย์

ชีวิตวัยรุ่น

ท่านได้รู้จักกับพระอาจารย์พริ้ง (พระครูประศาสน์สิกขกิจ) ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาก แม่บุญเรือนได้ถวายอาหาร และ เครื่องไทยทานต่างๆ ให้พระอาจารย์พริ้งอยู่เสมอ ทำให้ท่านได้เรียนรู้ธรรมะ และ คุณธรรมในการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระพุทธเจ้า นานวันก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา และ รักงานบุญงานกุศลมากขึ้น ซึ่งนี่อาจถือได้ว่าเป็นอีกปฐมเหตุสำคัญ ที่ทำให้ท่านบำเพ็ญกรณียกิจ เป็นนักบุญในพระพุทธศาสนาในเวลาต่อมา

ชีวิตสมรส

คุณแม่บุญเรือนสมรสกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม ตำรวจประจำสถานีตำรวจนครบาลสัมพันธวงศ์ ชีวิตสมรสเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ทั้งสองก็ไม่มีบุตรด้วยกันเลย จึงได้รับ เด็กหญิงอุไร เป็นบุตรบุญธรรม คุณแม่บุญเรือนได้ช่วยสามีหารายได้ด้วยการรับตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยจักร ทั้งยังรับนวดรักษาโรค ซึ่งท่านทำเป็นการกุศลโดยไม่รับสินจ้าง และ ท่านยังสามารถทำคลอดได้ หรือ เป็นหมอตำแยแผนโบราณด้วย จึงทำให้ท่านเป็นที่รู้จักอย่างมากในขณะนั้น

ช่วงปฏิบัติธรรม

คุณแม่บุญเรือนเริ่มต้นฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดสัมพันธวงศ์ กับเจ้าอาวาสวัด ท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) ต่อมาสามีได้อุปสมบทที่วัดนี้ 1 พรรษา และ เมื่อลาสิกขาไปแล้ว สามีก็ยังถือมั่นในทางธรรมอย่างมาก เลิกสุราเด็ดขาด ทำบุญให้ทานเป็นประจำ ทำให้คุณแม่บุญเรือนยิ่งศรัทธาเลื่อมใสมากขึ้น กระทั่งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2470 จึงออกบวชเป็นชี และ ปฏิบัติธรรม เพียรฝึกหัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ณ วัดสัมพันธวงศ์

บรรลุธรรม 

ท่านตั้งใจจะขอปฏิบัติธรรมให้สำเร็จอยู่ที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา 90 วัน โดยถือศีล 8 บวชเป็นชี นั่งสวดมนต์ภาวนา เจริญวิปัสสนาตามแนวทางของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) แต่แม้จะผ่านมาถึงวันที่ 89 ก็ยังไม่สำเร็จธรรม ด้วยความท้อใจจึงกลับไปบ้านสามี

เมื่อคุณแม่บุญเรือนอาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาว เตรียมตัวสวดมนต์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม 2470 จากนั้น ท่านก็ได้เห็นมารดา และ หลานๆ นอนหลับกันหมดแล้ว มารดานั้นกรน ส่วนหลานๆ ก็ละเมอบ่นพึมพำ และ กัดฟันกรอดๆ จึงรู้สึกเกิดธรรมสังเวชเบื่อหน่ายต่อสภาพอย่างนั้นขึ้นมาในขณะนั้น ท่านจึงคิดอยากหลีกหนีเสียชั่วคราว แล้วท่านก็ได้นั่งสมาธิกรรมฐานในห้องพระ จนถึงเวลาประมาณตี 2 ก็รู้สึกแน่นหน้าอก อึดอัด หายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงตั้งสติว่า ‘ถ้าจะตายก็ขอให้ตายในตอนนี้เถิด จะได้หมดเวรหมดกรรม ธรรมก็ยังไม่ได้บรรลุเลย น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก’ เมื่อคุณแม่บุญเรือนคิดดังนั้น อาการทุกขเวทนาที่เผชิญก็หายไปหมดสิ้น เกิดความสว่างขึ้นมาทั้งตัว มีความใสสว่างอย่างมาก รู้ตัวแล้วว่าบรรลุอภิญญาถึง 5 อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับ เมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็รู้แจ้งแทงตลอดสว่างไสวไปหมด และ ยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้นั่งกรรมฐานต่อไปอีก จนใกล้ตี 5 ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้เข้าไปนั่งในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ พอสิ้นอธิษฐาน ปรากฏว่าได้เข้ามานั่งอยู่ในศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเรื่องที่คุณแม่บุญเรือนหายตัวมาปรากฏอยู่ในศาลาวัดแพร่หลายออกไป ก็มีพระเณรเถรชี อุบาสกคุณแม่ต่างก็มารุมล้อมด้วยความอัศจรรย์ใจอย่างมากล้น ต่อมาคุณแม่บุญเรือน ท่านได้อธิษฐานหายตัวจากศาลาไปเขาวงพระจันทร์ ท่านได้พบพระผู้วิเศษที่นั่น และ ได้รับพระธาตุ 1 องค์จากพระองค์นั้น กลับมาพระธาตุยังกำอยู่ในมือ หลังจากนั้นท่านก็มิได้แสดงฤทธิ์อะไรให้คนชมอีกเลย เว้นแต่อยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็น

บั้นปลายชีวิต

ประมาณเดือนมกราคม พ.ศ. 2507 ท่านมีอาการป่วยโรคไต หัวใจอ่อน โลหิตจาง และความดันโลหิตสูง ติดต่อกัน ไม่ยอมรับรักษาของแพทย์เลย โรงพยาบาลท่านก็ไม่ไป ท่านต้องนอนป่วยลุกนั่งไม่ได้เป็นเวลา 9 เดือน อันว่า สังขาร ร่างกาย และใจ หรือขันธ์ห้านี้ ไม่ใช่ตัวของเรา มันเป็นเพียงเครื่องอยู่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น เป็นเรือนทุกข์ แม่ต้องการออกไปจากเรือนทุกข์นี้คุณแม่บุญเรือนกล่าว ซึ่งแสดงถึงผู้สิ้นอาสวะกิเลสผู้บรรลุอาสวักขยญาณโดยแท้ ต่อมา วันที่ 3 – 5 กันยายน ในปีเดียวกัน ท่านอ่อนเพลียมาก เหนื่อยเมื่อต้องพูดและเบื่ออาหาร เสมหะเหนียว ด้านปวงสานุศิษย์ลูกหลานยังคงร่วมชุมนุมสวดมนต์ภาวนาเช่นเคย คุณแม่ก็ยังทักทายพูดคุยได้อย่างแจ่มใส หากไม่สังเกตจะไม่ทราบอาการเปลี่ยนแปลงเลย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์ คุณแม่ได้สั่งให้หยุดนาฬิกาเรือนใหญ่ไว้ที่เวลา 11.00 น. เศษทั้งสองเรือน ท่านบอกว่าหนวกหู ชาวคณะสามัคคีวิสุทธิจึงทำตามคำสั่งโดยมิได้เฉลียวใจแต่อย่างใด และในเวลา 11.20 น. ของวันที่ 7 กันยายน 2507 คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

ทั้งหมดนี้เป็นการเอาประวัติมาเขียนเผยแพร่เท่านั้น ส่วนพระคาถาก็มีการใช้จริง และ จะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อ และ วิจารณญาณของแต่ละท่าน